น่าจะเป็นหนังที่น่าสนใจ! “คิลบกซุน” เป็นหนังแนวแอคชั่นระทึกขวัญจาก Netflix ที่จะพาคุณไปสู่โลกของคุณแม่คนหนึ่งที่มีชีวิตคู่ครองระหว่างการเลี้ยงลูกสาววัยรุ่นและการทำงานเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือเยี่ยมในบริษัท MK Ent ของชามินกยู ผู้ที่เธอเคารพและเคยเรียนรู้จากมากมาย

เธอต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความลับของอาชญากรรมและการตามล่าที่คอยมาขยายคำพูดและตามหาเธอ รวมถึงการทำงานที่ต้องดูแลลูกสาวของเธอที่ยากลำบากเช่นกัน
เรื่องราวนี้ดูเหนือคาดหวังและน่าติดตาม เพื่อดูว่าคิลบกซุนจะรักษาความลับและปราบปรามศัตรูได้อย่างไร และเมื่อความลับทั้งหมดถูกเปิดเผย สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะมีความตื่นเต้นอย่างไรให้คุณได้ดูกันในหนังนี้
ระหว่างที่ดู ก็พอจะคาดเดาได้ว่า ผู้กำกับน่าจะได้แรงบันดาลใจจาก John Wick มามากพอดู พอเสิร์ชอ่านเรื่องราวเบื้องหลังก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ บยุน ซองฮยุน (Byun Sung-Hyun) เผยว่าเขาตัวเอกของเรื่องที่เป็นนักฆ่าหญิงนั้นได้แรงบันดาลใจมาจาก Kill-Bill บวกกับเรื่องของโลกนักฆ่าใต้ดินก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก John Wick ผสมผสานกันออกมาเป็นเรื่องราวของ คิลบกซุน นักฆ่าหญิงที่ตั้งชื่อเรื่องตามชื่อของเธอที่เป็นตัวละครหลักของเรื่อง

บกซุนเป็นนักฆ่าหญิงที่มีชื่อเสียงและระดับตำนานในวัยที่ครบรอบ 40 ปี โดยเธอได้สร้างสถิติที่ยอดเยี่ยมโดยไม่เคยทำงานล้มเหลวเลยในชีวิตของเธอ การประสานความเรียบร้อยและความสามารถในการฆ่าให้เป็นเอกลักษณ์ของเธอที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง แต่ความมั่นใจของเธอเริ่มได้รับทรัพย์สินเมื่อคิลเจยอง ลูกสาวของเธอเข้าสู่วัยรุ่นในวัย 15 และเริ่มมีปัญหาระหว่างแม่ลูก เนื่องจากคิลเจยองคิดว่าแม่ไม่เข้าใจเธออย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันการเผชิญกับปัญหาในด้านงานของบกซุนเพิ่มความซับซ้อนให้แก่ชีวิตของเธอ เมื่อความธรรมในใจของเธอเข้ามามีบทบาทในการทำงาน เธอปฏิเสธที่จะลงมือสังหารเหยื่อรายหนึ่ง สิ่งนี้กลายเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญหน้าให้มากมายในชีวิตของเธอระหว่างเธอและองค์กรตัวเอง และองค์กรอื่น ๆ ในโลกของนักฆ่าที่มีจำนวนมาก
ภาพยนตร์นี้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 17 นาที และสามารถจัดเนื้อหาและฉากต่าง ๆ ให้เป็นปริมาณที่พอดีและเหมาะสมอย่างดี ทั้งเนื้อหาส่วนดราม่าแม่ลูกและส่วนแอ็กชัน ไม่มีช่วงที่ยืดเยื้อเกินไปที่จะทำให้น่าเบื่อ นอกจากนี้ยังมีหลายจุดที่น่าประทับใจ

จุดที่น่าประทับใจอย่างแรกคือการเลือกใช้ จอนโดยอน (Jeon Do-yeon) นักแสดงหญิงที่มีความฝีมือสูงและเคยได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวทีใหญ่ โดยเธอต้องเปลี่ยนบทบาทมาเล่นบู๊ในวัย 50 ปี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอเปลี่ยนแนวการแสดงมาที่แอ็กชันแบบจริงจัง ภาพลักษณ์ของโดยอน ที่ดูเป็นมนุษย์ป้ามาก ๆ แต่เมื่อได้เห็นเธอในฉากต่อสู้หลาย ๆ ฉากแล้ว ข้อกังขาก็เริ่มหมดไป รูปร่างของเธอที่เรียวยาวสะโอดสะองทำให้เธอดูเคลื่อนไหวคล่องแคล่วสมจริง การที่ป้าโดยอนทุ่มเทให้กับบทบกซุนอย่างจริงจังเป็นเวลา 4 เดือนกว่านี้ก็ทำให้ผลงานของเธอในภาพยนตร์นี้เป็นภาพที่มีคุณภาพและความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน
อีกจุดที่น่าชื่นชมคือวิธีการผสานเรื่องราวดราม่าแม่ลูกกับโลกนักฆ่าได้อย่างลงตัวในภาพยนตร์นี้ เราดูหนังที่เกี่ยวกับนักฆ่ามาหลายเรื่องแล้วซึ่งส่วนใหญ่ตัวเอกนักฆ่าจะปิดบังความรักไม่ให้คนรู้ เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะ Kill Boksun เป็นเรื่องแรกที่เล่าเรื่องของแม่ที่เป็นนักฆ่าและต้องปิดบังความจริงจากลูกสาวที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น และมีรสนิยมแนว LGBT ที่ถูกนำเสนออย่างสวยงาม การผสานเรื่องนี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจและสนุก เช่นฉากที่แม่กำลังออกปฏิบัติการ ลูกสาวก็ต้องโทรมาระบายกับแม่พอดี งานนักฆ่าก็ต้องทำ แม่ก็ต้องรักษาความเข้มแข็ง และเราได้เห็นการเจริญเติบโตทางวุฒิภาวะทั้งของแม่และลูก ลูกที่กำลังเรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่ การรับรู้รสนิยมทางเพศของตัวเอง ส่วนแม่ก็ต้องเผชิญกับทางแยกของชีวิต ที่ต้องเลือกระหว่างหน้าที่แม่และงานที่ถนัดและคุ้นเคยมานาน

Netflix ก็ช่างกล้าและมีเครื่องหมายที่ชัดเจนเมื่อปล่อยหนังในช่วงเวลาที่ John Wick: Chapter 4 กำลังครองกระแสการรับชมทั่วโลก อาจจะมีความคาดหวังว่า Kill Boksun ในแนวเดียวกันอาจจะดึงดูดผู้ชมที่รักแนวนี้มาด้วย และการเปรียบเทียบระหว่างหนังก็มีตัวแตกต่างและความพิเศษของแต่ละเรื่องได้มากมาย เรื่องโลกนักฆ่าของ Kill Boksun มีขนาดเล็กกว่าและถูกจำกัดอยู่ในเกาหลีใต้เท่านั้น เมื่อ John Wick มีโลกนักฆ่าที่แสดงให้เห็นถึงขนาดขององค์กรนักฆ่าที่กว้างขวางมาก ซึ่งมีตั้งแต่หนังรองรับถึงหลายภาคและนอกจากนี้ยังมีซีรีส์เรื่อง The Continental ที่กำลังถูกพัฒนาขึ้นอยู่ด้วย การมีองค์กรนักฆ่ามากถึง 12-13 บริษัทใน Kill Boksun อาจจะดูเวอร์วังไปเล็กน้อย เพราะในประเทศเดียวก็มีงานจ้างฆ่ามากมายอยู่แล้ว แต่ความเล็กของโลก Kill Boksun อาจจะช่วยให้เรื่องเน้นไปที่ความสัมพันธ์และตรรกะระหว่างตัวละครมากขึ้น และน่าจับตามองว่าแนวนี้จะนำไปสู่การพัฒนาในภาคต่อๆ ไปอย่างไรบนแพลตฟอร์ม Netflix และอาจสร้างเรื่องราวที่น่าติดตามในอนาคตได้ด้วยความน่าสนใจในเรื่องนี้
อีกด้านหนึ่งที่ควรพูดถึงคือฉากแอ็กชันใน Kill Boksun ที่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รู้สึกขี้เหร่ มองเห็นถึงความตั้งใจและการวางแผนที่ดีเยี่ยม มีฉากที่เล่นแบบลองเทค ใช้นักแสดงจำนวนมาก ซึ่งต้องการการเตรียมงานอย่างละเอียดและเวลาที่ใช้ในการวางแผน อย่างนอกจากนี้ การใช้เฟอร์นิเจอร์และข้าวของรอบตัวมาเป็นส่วนประกอบในการต่อสู้เป็นไอเดียที่น่าสนใจ เรายังชอบไอเดียที่เห็นการดอลลี่หมุนวนรอบนักแสดงที่กำลังต่อสู้กัน ซึ่งเป็นไอเดียแปลกใหม่ แม้ว่าบางครั้งใน Kill Boksun อาจจะดูด้อยกว่า John Wick ในเรื่องความสมจริง ความรุนแรง และความโหด และบางจังหวะอาจมีการหยุดรอบแปรงไปบ้าง
งานโปรดักชันดูจริงจังและตั้งใจอย่างมาก ฉันชื่นชมการออกแบบของอาคารองค์กร MK Ent ที่มีห้องประธานที่มีกระจกโค้งครึ่งวงกลมเป็นฉากหลัง มันดูหรูหราและอลังการจริง ๆ และเหมาะสมกับบรรยากาศขององค์กรนักฆ่าใหญ่ พวกเขาใส่ใจในรายละเอียดแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการ์ดการเข้าตึกและซองงานที่เป็นซองกระดาษน้ำตาลที่มีครั้งสีฟ้าปิดผนึกดูมีความแข็งแกร่ง หนังยังตีความถึงวัฒนธรรมขององค์กรอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะขยายเรื่องราวเป็นซีรีส์ 16 ตอนในอนาคต

พูดถึงจุดที่ไม่ประทับใจบ้าง แผลใหญ่ ๆ เลยคือขาดความชัดเจนในด้านประวัติของบกซุน หนังให้เราได้รู้จักตัวเธอแค่ในปัจจุบันเท่านั้น มีฉากสั้น ๆ ที่ย้อนอดีตวันที่ประธานชามินกูได้พบกับบกซุนในวันที่เธอยังเป็นเด็กสาว แต่ส่วนที่เหลือนั้นถูกปล่อยให้เป็นการคาดเดาว่าประธานชาน่าจะรับตัวเธอมาดูแลและฝึกฝนเธอจนเป็นนักฆ่ามือหนึ่งขององค์กร แต่ไม่มีการเปิดเผยเรื่องราวชีวิตครอบครัวของเธอและสามีของเธอว่าหายไปไหนและเหตุใดบกซุนถึงกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว น่าจะดีมากถ้าหนังมีการขยายเรื่องราวในส่วนนี้เพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ชมได้รู้จักบกซุนและประวัติของเธอมากขึ้น

อีกจุดที่รู้สึกขัดใจและสะดุดอารมณ์อยู่หลายครั้ง ก็คือเทคนิคล่อหลอกคนดู ด้วยการปล่อยให้เราดูฉากต่อสู้ที่บกซุนเป็นฝ่ายพลาดท่าแล้วค่อยมาเฉลยว่าเป็นภาพในจินตนาการของเธอ แบบนี้เป็นเทคนิคที่เราเคยเห็นในหนัง Sherlock เวอร์ชัน ดาวนีย์ จูเนียร์ แต่ในหนังนั้นมักจะมีการบอกล่วงหน้าว่าเป็นการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ แต่ใน Kill Boksun ไม่มีการบอกคนดูล่วงหน้า แต่ปล่อยให้เราหลงเชื่อไปกับภาพบนจอแล้วค่อยมาเฉลยภายหลัง ซึ่งเล่นซ้ำอยู่หลายครั้ง แต่ที่ขัดใจที่สุดคือนำเทคนิคนี้มาเล่นในฉากต่อสู้สุดท้าย ซึ่งเป็นฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง กลายเป็นว่าเราได้ดูภาพในจินตนาการของบกซุนยาวนาน แต่ฉากต่อสู้จริงกลับมีแค่ไม่กี่นาที ก็เลยกลายเป็นว่าฉากที่น่าจะเป็นจุดพีคสุดของเรื่องสั้นกว่าฉากต่อสู้ประปรายระหว่างทางเสียอีก ไม่สะใจ ไม่สมกับการเป็นฉากไคลแมกซ์ที่ปูทางมายาวนาน ทำให้ฉากต่อสู้กับเหล่านักฆ่าต่างองค์กรในร้านอาหารเป็นฉากที่น่าประทับใจที่สุดในเรื่องนี้ไปแทน
สรุป Kill Boksun เป็นงานที่รวมแรงบันดาลใจจากหนังนักฆ่าฮอลลีวูดมาอย่างมีเสน่ห์ และผสานรวมกับแนวทางของตัวเองอย่างสวยงาม โดยห่างไกลคำว่า ‘ก๊อปปี้’ ฉากดราม่าครอบครัวและฉากแอ็กชันได้รับการจัดทำอย่างพิถีพิถัน แสดงถึงความทุ่มเทในการสร้างเนื้อหาและฉากแบบทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ภาพยนตร์นี้เป็นสนุกและไม่เสียดายเวลาในการรับชม นอกจากนี้ ยังมีฉากหลังเอนด์เครดิตที่น่าสนใจด้วยความนิ่งนอน ซึ่งอาจจะไม่มีความสำคัญมากต่อเนื้อหาหลักของเรื่อง แต่ก็เป็นท่าทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ชมคนบางคน
ที่มา : ดูหนังได้ที่
หน้าแรก : หนังพากย์ไทย
#หนังพากย์ไทย Netflix #รีวิวหนัง รีวิวหนังnetflix #หนังภาคไทย #หนังnetflix #หนังnetflixแนะนำ #แนะนำหนังnetflix #หนังดังเต็มเรื่อง #หนังเน็ตฟิก #หนังเน็ตฟิกพากย์ไทย #หนังเน็ตฟิกฟรี #หนังเน็ตฟิกออนไลน์ #หนังดี #หนังสนุก #หนังญี่ปุ่น Netflix #หนังไทย Netflix #หนังNetflix ห#นังไทยในnetflix #หนังไทยใน netflix ตลกๆ #หนังไทยใน netflix ล่าสุด #หนังไทย2023 netflix 2023